วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทนอยู่ หรือ อยู่ทน?


มีคนเคยถามผมว่า "จริงหรือที่อยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วจะรักกันเอง" คำถามทำให้ผมเห็นภาพของคนสองคนที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยเหตุผลอื่นที่มิใช่ความรัก
เมื่อก่อนเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนคนเรียกกันติดปากว่า "คลุมถุงชน" เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เห็นหน้ากันแล้วต้องมาแต่งงานกันด้วยความต้องการของผู้ใหญ่ แต่ในสมัยนี้ สมัยที่สิทธิมนุษยชนกลายเป็นเกณฑ์วัดความเป็นคนทันสมัย การ "คลุมถุงชน" ก็เลยกลายเป็นกิจกรรมที่น่ารังเกียจไปเสียแล้ว เราจึงไม่เห็นพิธีการเช่นนั้นอีกเลย อาจเป็นข้อดีที่มนุษย์จะได้ใช้หัวใจและความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ในการเลือกใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคนเสมอไปหรอก...
เมื่อปีที่แล้วผมได้ไปงานแต่งงานของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง "แป๊ป" เป็นเพื่อนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่แต่งงานไวที่สุดในกลุ่ม เพื่อนหลายคนเสียดายหน้าตาอันหล่อเหลา และพื้นฐานทางครอบครัวที่มั่นคงมาก ใครหลายคนเปรยกับผมว่า "ไอ้แป๊ปมันโง่หรือเปล่าวะ" แทนที่แป๊ปจะเลือกใช้ชีวิตโสดที่ห้อมล้อมด้วยหญิงสาวน่ารักๆ ดังที่เคยทำให้เพื่อนหลายคนอิจฉาตาร้อน แต่เขากลับเลือกที่จะปิดตายความเจ้าชู้ประตูดิน แล้วเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ตามคำสั่งของผู้ใหญ่ แต่หน้าที่ของเพื่อนก็มีแค่นี้เอง คือ "ยอมรับในการตัดสินใจ" และ "ให้กำลังใจในวันที่ผิดพลาด"
หลังงานแต่งของแป๊ป ผมมาทราบเหตุผลที่เขาตัดติดสินใจแต่งงานจากเพื่อนคนหนึ่งว่า ที่บ้านของแป๊ปทำธุรกิจเกี่ยวกับปางไม้อยู่ที่จังหวัดหนองคาย นั่นทำให้ต้องนำเข้าวัตถุดิบมาจากประเทศลาว ที่บ้านของแป๊ปจึงได้รู้จักนายพลคนหนึ่งของที่นั่น!
พอดีนายพลท่านนั้นมีลูกสาววัยเท่ากับแป๊ป การคลุมถุงชนเพื่อธุรกิจจึงเกิดขึ้นหลังจากการหารือของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อได้รับรู้ผมก็เกิดข้อสงสัย จึงถามเพื่อนกลับไปว่า "เฮ้ย...แล้วมันจะไปกันรอดเหรอ" เพื่อนผมส่ายหน้า ก่อนจะตอบว่า... "ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเพื่อนเรามันจะ "อยู่ทน" หรือ "ทนอยู่" กัน"
หลังจากที่ห่างหายกันไปกว่าครึ่งปี ด้วยวัยที่มากขึ้นทุกวัน เพื่อนๆ จึงรวมตัวกันเพื่อสร้างทีมฟุตบอลเอาไว้สำหรับออกกำลังกาย นั่นทำให้ในวันที่ต้องลงสนามแข่งขันผมจึงได้เจอกับแป๊ปอีกครั้ง
วันนั้นแป๊ปมาคนเดียว หลังจากทักทายกันเล็กน้อย ผมจึงถามถึงภรรยาของเขา "ต้าร์กลับไปเยี่ยมบ้านที่เวียงจันทร์"แป๊ปตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ ผลการแข่งขันในวันนั้นทีมของเราแพ้อย่างราบคาบ แต่กระนั้นแป๊ปก็ยิงไปได้ถึง 3 ประตู ส่วนผมหมดแรงตั้งแต่ 10 นาทีแรกแล้ว ตกค่ำเราพากันไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารเจ้าประจำ พอเริ่มดื่มกันได้ที่ เพื่อนบางคนเริ่มแซวแป๊ปถึงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง "เฮ้ย...มีเด็กเหรอ เดี๋ยวบอกต้าร์นะ" แป๊ปเพียงยิ้มแล้วขอตัวไปรับโทรศัพท์ ด้วยความที่มีคติประจำใจว่า "เรื่องชาวบ้านคืองานของเรา" ผมจึงหาโอกาสสะกิดถามแป๊ปว่า "ใคร"
"ต้าร์เขาเป็นห่วง...พอดีโทรไปบ่นว่าเตะบอลจนปวดขา" แป๊ปตอบอย่างเขินๆ ตามด้วยคำบอกเล่าจากเพื่อนอีกคนที่ทำให้แป๊ปหน้าแดงระเรื่อ "เมื่อกี้มันเพิ่งบ่นอยู่ว่าคิดถึงเมีย...อยากให้เมียมาเชียร์ที่สนาม"...เมื่อได้ยิน เพื่อนๆ พากันปรบมือชอบใจที่เสือร้ายอย่างแป๊ปได้สิ้นลายเสียแล้ว
เรื่องราวที่ผมเล่ามาข้างต้นนั้น อาจจะไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์นักต่อคำถามที่ว่า "จริงหรือที่อยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วจะรักกันเอง"
แต่มันก็ทำให้เข้าใจได้ว่า..."หัวใจ" อาจเป็นตัวสร้างความรู้สึก "รัก"
แต่จะยืนยาวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ "ความผูกพัน" ที่คนสองคนมีให้กัน
ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ "แป๊ปกับต้าร์" ซึ่งถูกจับคลุมถุงชนจะมี "รักที่ยืนยง"
ต่างจากใครหลายคนที่ "รักอย่างสมัครใจ" แต่สุดท้ายก็เหลือเพียง "น้ำตา

คุณนอกใจเขา..แล้วยังไงดีล่ะ

จะสารภาพบาปดีไหม หรือจะเก็บไว้เป็นความลับ ลองมาดูซิว่า จะทำอย่างไรดี เมื่อคุณซุกซนเกินเหตุคุณอาจจะรักหนุ่มของคุณแทบตาย

แต่ยอมรับเถอะว่า บางครั้งบางคราวเมื่อเกิดมีหนุ่มน่ากินเข้ามาในชีวิต คุณก็อดจะคิดไม่ได้ว่า จะเป็นยังไงนะถ้าได้กุ๊กกิ๊กกับเขาสักที และทุกวันนี้ มีผู้หญิงที่ความยับยั้งชั่งใจขาดผึงมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อจำนวนผู้หญิงทำงาน และใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแค่กุ๊กกิ๊กโรมานซ์ ไปจนถึงการนอกใจมีสัมพันธ์ทางกาย บ่อยครั้งที่ความรู้สึกผิดสลัดทิ้งได้ยาก เอาเถอะ ..พลาดไปแล้ว มารับมือกับการกระทำไม่ควรนี้กัน

อย่าปากมาก : แม่คุณอาจจะสอนไว้ว่า จงซื่อสัตย์ต่อสามี หรือแฟน แต่ในกรณีนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ปิดปากให้สนิทไว้จะเป็นการดีกว่า ถ้ามันเป็นแค่เผลอครั้งเดียว ก็อย่าบอกเขาเลย ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แต่มันมีแต่จะทำร้ายความรู้สึกของเขา และทำลายความไว้ใจที่เขามีต่อคุณ แม้ว่ามันจะอัดอั้นอยู่ในอก ก็จงแบกเอาไว้เพียงผู้เดียว และไม่ต้องบอกคนอื่นด้วย เพราะมันเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะถึงหูเขา

ลองหาสาเหตุ : เมื่อผู้หญิงนอกใจแฟน ถึงจะแค่ครั้งเดียว มันมักจะเป็นเพราะปัญหาในความสัมพันธ์ ผู้หญิงจะเผลอพลั้งไปถ้าชีวิตเซ็กซ์ของเธอไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ถ้าความสัมพันธ์ของคุณยังอยู่ในขั้นที่น่าประคองต่อไป คุณต้องหาทางแก้ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย ถามตัวเองว่าทำไปเพราะอะไร จากนั้นบอกแฟนให้ทราบว่าคุณต้องการอะไร แต่ยังไงก็ตาม อย่าเปิดปากสารภาพ

ถ้าเขาเกิดรู้ขึ้นมา : แม้คุณจะพยายามปกปิดแล้ว แต่เขารู้จนได้ และคุณยังไม่อยากเลิกกับเขา สิ่งที่ดีที่สุดคือบอกว่า คุณเสียใจกับการกระทำครั้งนี้ สาบานว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก และอ้อนวอนให้เขายกโทษให้คุณ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาบอกสาเหตุ รออีก 2-3 อาทิตย์ ค่อยบอกสาเหตุ เขาต้องการเวลาที่จะทำใจรับเขาที่คุณสวมให้ โดยไม่ต้องเผชิญความจริงในเรื่องความบกพร่องของเขา และสุดท้าย การทรยศนอกใจมีชู้นั้น ทำร้ายความมั่นใจของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างมาก เพราะฉะนั้น คุณต้องเรียกอีโก้ของเขาคืนมา คงไม่ต้องบอก เขาจะต้องโกรธ และต้องการเวลาอยู่คนเดียว จนเมื่อถึงเวลาที่หวังว่า วันหนึ่ง เขาจะยกโทษให้คุณ