วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตำนานวันแห่งความรัก 14 ก.พ



เริ่มขึ้นเมื่อ ค.ศ.270 ชาวคริสเตียนผู้หนึ่งนามว่า “วาเลนไทน์” ถูกคุมขังเพราะไม่ยอมนับถือเทพเจ้าตามจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมัน โดยวาเลนไทน์ได้นำอาหารไปวางบนประตูบ้านคนยากจน พร้อมกับเปิดตัวว่าเป็นคริสเตียน

ช่วงที่วาเลนไทน์ถูกคุมขังใน เรือนจำก็ได้หลงรักลูกสาวของผู้คุมที่ตาบอด วาเลนไทน์ได้อธิษฐานทูลขออำนาจจากพระเจ้าให้รักษาตาของเธอจนหายเป็นปกติ ทำให้ครอบครัวผู้คุมประกาศตนเป็นคริสเตียน เมื่อจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งโรมทรงทราบ จึงโกรธมากและสั่งให้นำตัวเซนต์ วาเลนไทน์ไปโบยตีและตัดศีรษะ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในค่ำคืนก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์ได้ส่งบทกวีแห่งความรักไปให้หญิงสาวในดวงใจ และลงท้ายด้วยถ้อยคำพรรณนานี้ว่า “FROM YOUR VALENTINE”

ต่อมาในสมัยจักรพรรดิคอนสแตน ติน ทรงรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถัดจากวันที่เซนต์วาเลนไทน์ถูกประหาร 1 วัน ซึ่งถือเป็นวันพิธี “ลูเพอร์กาเลีย” ซึ่งเป็นพิธีทางศาสนาของโรมันที่เปิด โอกาสให้หนุ่มสาวเลือกคู่กัน จึงให้รวมทั้งสองวันเอาไว้ด้วยกัน เรียกว่า “วันวาเลนไทน์” นับแต่นั้นมา เพื่อระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ ที่มีความรักและศรัทธาต่อศาสนาที่ตนนับถือ

ตำนานวาเลนไทน์จึงเริ่มต้น ตั้งแต่นั้นมา เชื่อกันว่าในวันวาเลนไทน์ มวลหมู่นกจะพากันจับคู่ บรรดาหนุ่มสาวจะเปิดเผยความในใจซึ่งกันและกัน และแลกเปลี่ยนของที่ระลึกสื่อความรัก ในยามค่ำคืนแห่งการฉลองเทศกาลโดยช่วงสมัยพระนางเจ้าวิกตอเรีย สาวๆมักนิยมสวมสร้อยข้อมือ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความโชคดีในความรัก
โดยเฉพาะถ้าสร้อยข้อมือเหล่านี้ทำเป็นรูป หมู ตะเกียง เกือกม้า และหัวใจ ตราบจนทุกวันนี้ เครื่องรางรูปหัวใจก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ

การให้ของขวัญวันวาเลนไทน์ ก็พัฒนามาเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะยืนด้วยรูปหัวใจ หรือดอกกุหลาบ ช็อกโกแลตที่สื่อถึงความหวานทั้งสิ้น สำหรับคำหวานที่จะบอกรักใครสักคนนั้น กลับไปดูต้นฉบับของนักบุญวาเลนไทน์แล้ว ท่านเขียนไว้ว่า “รักคือการยินดีที่ได้เห็นบุคคลที่รักมีความสุข แม้ว่าตนเองจะทุกข์ หรือเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม”

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

ภาพปริศนา 3มิติ

ตัวอย่างวิธีการดูภาพสามมิติ

วิธี ที่ 1. กำหนดจุด สองจุดบนภาพ แล้วเพ่ง ตรงกลางระหว่างสองจุดนั้น สักครู่ จุดจะเริ่มเบลอและเคลื่อนรวมเป็นจุดเดียว เราก็จะเห็นภาพที่ซ่อน

วิธี ที่ 2. ตั้งภาพไว้ แล้วมองขอบบนของภาพ มองสิ่งที่อยู่ไกลๆ หลังภาพ แล้วรักษาระยะสายตาไว้ แล้วก้มมองดูที่ภาพ ก็จะเห็น หรือ ทำเป็นสมมุติภาพเป็นกรอบหน้าต่าง พยายามมองทะลุเข้าไปไกลๆ

วิธีที่ 3. จ้องไปที่กลางภาพนานๆ ค่อยๆ เลื่อนภาพเข้าๆออกๆ แต่ในกรณีภาพอยู่ในคอมให้เราขยับหัวเอา พอเลื่อนเข้าเลื่อนออกไปซักพักจะเห็นภาพให้หยุดนิ่งตรงที่เราเห็น ก็จะรู้ ว่ารูปนั้นเป็นรูปอะไร

ใครที่เคยมองเห็น1ภาพแล้ว ก็จะเห็นภาพอื่นๆ ได้ โดยไม่ยากนั กแต่ถ้าใครยังไม่เคยเห็น ต้องอาศัยความพยายามหน่อย











วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

มาลีบลูฮัท เกาะสีชัง ชลบุรี


สถานที่พักสำหรับคนรักธรรมชาติ..กับชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีสไตล์แบบกินง่าย อยู่ง่าย ไม่ยุ่งยากมากความและควรมาที่นี่ด้วยใจรักธรรมชาติ ช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน ที่สำคัญ..ที่นี่ใกล้กทม.นิดเดียว ทุกคนต้องมาใช้ชีวิตแบบคนในหมู่บ้านเสมือนเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งต้องช่วย เหลือกันเองเป็นหลักว่ากันแบบหนุก หนุก เราไม่ได้ทำรีสอร์ทหรู..ควร ย้อนถามตัวเองก่อนตัดสินใจมาพักว่าคุณเป็นคนชอบเที่ยวและพัก...ในสไตล์แบบ นี้ได้จริงๆหรือปล่าว! เพราะถ้าให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ อย่าฝืนมาเสียเวลาเปล่า.. สู้เสียสละบ้านพักให้คนที่เค้าชอบและรอคิวเข้าพักอยู่ไปเถอะครับ.


วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

ค ว า ม จ ริ ง ใ น ค ว า ม รั ก

ค ว า ม จ ริ ง ใ น ค ว า ม รั ก

มันก็เป็นความจริงอย่างที่ความจริงเป็น...

ความจริงเกี่ยวกับความรัก

1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือ การรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง

2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ทานประทานมา

3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว

4. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป

5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่ เปิดไว้รอเรา

6.เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไร กันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด

7.เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา

8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเรา

9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ

10. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจได้

11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้

14.มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขามาจากความฝัน เพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น

15. ฝัน ถึงสิ่งที่คุณต้องการฝัน ไปในที่ที่คุณต้องการไป เป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้อง

Read More,,^^"

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทนอยู่ หรือ อยู่ทน?


มีคนเคยถามผมว่า "จริงหรือที่อยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วจะรักกันเอง" คำถามทำให้ผมเห็นภาพของคนสองคนที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยเหตุผลอื่นที่มิใช่ความรัก
เมื่อก่อนเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนคนเรียกกันติดปากว่า "คลุมถุงชน" เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เห็นหน้ากันแล้วต้องมาแต่งงานกันด้วยความต้องการของผู้ใหญ่ แต่ในสมัยนี้ สมัยที่สิทธิมนุษยชนกลายเป็นเกณฑ์วัดความเป็นคนทันสมัย การ "คลุมถุงชน" ก็เลยกลายเป็นกิจกรรมที่น่ารังเกียจไปเสียแล้ว เราจึงไม่เห็นพิธีการเช่นนั้นอีกเลย อาจเป็นข้อดีที่มนุษย์จะได้ใช้หัวใจและความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ในการเลือกใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคนเสมอไปหรอก...
เมื่อปีที่แล้วผมได้ไปงานแต่งงานของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง "แป๊ป" เป็นเพื่อนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่แต่งงานไวที่สุดในกลุ่ม เพื่อนหลายคนเสียดายหน้าตาอันหล่อเหลา และพื้นฐานทางครอบครัวที่มั่นคงมาก ใครหลายคนเปรยกับผมว่า "ไอ้แป๊ปมันโง่หรือเปล่าวะ" แทนที่แป๊ปจะเลือกใช้ชีวิตโสดที่ห้อมล้อมด้วยหญิงสาวน่ารักๆ ดังที่เคยทำให้เพื่อนหลายคนอิจฉาตาร้อน แต่เขากลับเลือกที่จะปิดตายความเจ้าชู้ประตูดิน แล้วเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ตามคำสั่งของผู้ใหญ่ แต่หน้าที่ของเพื่อนก็มีแค่นี้เอง คือ "ยอมรับในการตัดสินใจ" และ "ให้กำลังใจในวันที่ผิดพลาด"
หลังงานแต่งของแป๊ป ผมมาทราบเหตุผลที่เขาตัดติดสินใจแต่งงานจากเพื่อนคนหนึ่งว่า ที่บ้านของแป๊ปทำธุรกิจเกี่ยวกับปางไม้อยู่ที่จังหวัดหนองคาย นั่นทำให้ต้องนำเข้าวัตถุดิบมาจากประเทศลาว ที่บ้านของแป๊ปจึงได้รู้จักนายพลคนหนึ่งของที่นั่น!
พอดีนายพลท่านนั้นมีลูกสาววัยเท่ากับแป๊ป การคลุมถุงชนเพื่อธุรกิจจึงเกิดขึ้นหลังจากการหารือของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อได้รับรู้ผมก็เกิดข้อสงสัย จึงถามเพื่อนกลับไปว่า "เฮ้ย...แล้วมันจะไปกันรอดเหรอ" เพื่อนผมส่ายหน้า ก่อนจะตอบว่า... "ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเพื่อนเรามันจะ "อยู่ทน" หรือ "ทนอยู่" กัน"
หลังจากที่ห่างหายกันไปกว่าครึ่งปี ด้วยวัยที่มากขึ้นทุกวัน เพื่อนๆ จึงรวมตัวกันเพื่อสร้างทีมฟุตบอลเอาไว้สำหรับออกกำลังกาย นั่นทำให้ในวันที่ต้องลงสนามแข่งขันผมจึงได้เจอกับแป๊ปอีกครั้ง
วันนั้นแป๊ปมาคนเดียว หลังจากทักทายกันเล็กน้อย ผมจึงถามถึงภรรยาของเขา "ต้าร์กลับไปเยี่ยมบ้านที่เวียงจันทร์"แป๊ปตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ ผลการแข่งขันในวันนั้นทีมของเราแพ้อย่างราบคาบ แต่กระนั้นแป๊ปก็ยิงไปได้ถึง 3 ประตู ส่วนผมหมดแรงตั้งแต่ 10 นาทีแรกแล้ว ตกค่ำเราพากันไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารเจ้าประจำ พอเริ่มดื่มกันได้ที่ เพื่อนบางคนเริ่มแซวแป๊ปถึงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง "เฮ้ย...มีเด็กเหรอ เดี๋ยวบอกต้าร์นะ" แป๊ปเพียงยิ้มแล้วขอตัวไปรับโทรศัพท์ ด้วยความที่มีคติประจำใจว่า "เรื่องชาวบ้านคืองานของเรา" ผมจึงหาโอกาสสะกิดถามแป๊ปว่า "ใคร"
"ต้าร์เขาเป็นห่วง...พอดีโทรไปบ่นว่าเตะบอลจนปวดขา" แป๊ปตอบอย่างเขินๆ ตามด้วยคำบอกเล่าจากเพื่อนอีกคนที่ทำให้แป๊ปหน้าแดงระเรื่อ "เมื่อกี้มันเพิ่งบ่นอยู่ว่าคิดถึงเมีย...อยากให้เมียมาเชียร์ที่สนาม"...เมื่อได้ยิน เพื่อนๆ พากันปรบมือชอบใจที่เสือร้ายอย่างแป๊ปได้สิ้นลายเสียแล้ว
เรื่องราวที่ผมเล่ามาข้างต้นนั้น อาจจะไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์นักต่อคำถามที่ว่า "จริงหรือที่อยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วจะรักกันเอง"
แต่มันก็ทำให้เข้าใจได้ว่า..."หัวใจ" อาจเป็นตัวสร้างความรู้สึก "รัก"
แต่จะยืนยาวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ "ความผูกพัน" ที่คนสองคนมีให้กัน
ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ "แป๊ปกับต้าร์" ซึ่งถูกจับคลุมถุงชนจะมี "รักที่ยืนยง"
ต่างจากใครหลายคนที่ "รักอย่างสมัครใจ" แต่สุดท้ายก็เหลือเพียง "น้ำตา

คุณนอกใจเขา..แล้วยังไงดีล่ะ

จะสารภาพบาปดีไหม หรือจะเก็บไว้เป็นความลับ ลองมาดูซิว่า จะทำอย่างไรดี เมื่อคุณซุกซนเกินเหตุคุณอาจจะรักหนุ่มของคุณแทบตาย

แต่ยอมรับเถอะว่า บางครั้งบางคราวเมื่อเกิดมีหนุ่มน่ากินเข้ามาในชีวิต คุณก็อดจะคิดไม่ได้ว่า จะเป็นยังไงนะถ้าได้กุ๊กกิ๊กกับเขาสักที และทุกวันนี้ มีผู้หญิงที่ความยับยั้งชั่งใจขาดผึงมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อจำนวนผู้หญิงทำงาน และใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแค่กุ๊กกิ๊กโรมานซ์ ไปจนถึงการนอกใจมีสัมพันธ์ทางกาย บ่อยครั้งที่ความรู้สึกผิดสลัดทิ้งได้ยาก เอาเถอะ ..พลาดไปแล้ว มารับมือกับการกระทำไม่ควรนี้กัน

อย่าปากมาก : แม่คุณอาจจะสอนไว้ว่า จงซื่อสัตย์ต่อสามี หรือแฟน แต่ในกรณีนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ปิดปากให้สนิทไว้จะเป็นการดีกว่า ถ้ามันเป็นแค่เผลอครั้งเดียว ก็อย่าบอกเขาเลย ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แต่มันมีแต่จะทำร้ายความรู้สึกของเขา และทำลายความไว้ใจที่เขามีต่อคุณ แม้ว่ามันจะอัดอั้นอยู่ในอก ก็จงแบกเอาไว้เพียงผู้เดียว และไม่ต้องบอกคนอื่นด้วย เพราะมันเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะถึงหูเขา

ลองหาสาเหตุ : เมื่อผู้หญิงนอกใจแฟน ถึงจะแค่ครั้งเดียว มันมักจะเป็นเพราะปัญหาในความสัมพันธ์ ผู้หญิงจะเผลอพลั้งไปถ้าชีวิตเซ็กซ์ของเธอไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ถ้าความสัมพันธ์ของคุณยังอยู่ในขั้นที่น่าประคองต่อไป คุณต้องหาทางแก้ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย ถามตัวเองว่าทำไปเพราะอะไร จากนั้นบอกแฟนให้ทราบว่าคุณต้องการอะไร แต่ยังไงก็ตาม อย่าเปิดปากสารภาพ

ถ้าเขาเกิดรู้ขึ้นมา : แม้คุณจะพยายามปกปิดแล้ว แต่เขารู้จนได้ และคุณยังไม่อยากเลิกกับเขา สิ่งที่ดีที่สุดคือบอกว่า คุณเสียใจกับการกระทำครั้งนี้ สาบานว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก และอ้อนวอนให้เขายกโทษให้คุณ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาบอกสาเหตุ รออีก 2-3 อาทิตย์ ค่อยบอกสาเหตุ เขาต้องการเวลาที่จะทำใจรับเขาที่คุณสวมให้ โดยไม่ต้องเผชิญความจริงในเรื่องความบกพร่องของเขา และสุดท้าย การทรยศนอกใจมีชู้นั้น ทำร้ายความมั่นใจของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างมาก เพราะฉะนั้น คุณต้องเรียกอีโก้ของเขาคืนมา คงไม่ต้องบอก เขาจะต้องโกรธ และต้องการเวลาอยู่คนเดียว จนเมื่อถึงเวลาที่หวังว่า วันหนึ่ง เขาจะยกโทษให้คุณ